ราคา Honda HR-V e:HEV 2022 ใหม่ เลือกได้ 3 รุ่นย่อย เริ่ม 979,000 บาท

 ราคา Honda HR-V e:HEV 2022 ใหม่ เลือกได้ 3 รุ่นย่อย เริ่ม 979,000 บาท

All-new Honda HR-V e:HEV 2022 ใหม่ เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในไทย พร้อมขุมพลังไฮบริด 1.5 ลิตร ที่มีแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่าย 979,000 - 1,179,000 บาท

hrv_33

     Honda HR-V 2022 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ E, EL และ RS โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้ทำตลาดในรุ่น RS พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องยนต์ฟูลไฮบริด e:HEV ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson-cycle ขนาด 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25.6 กม./ลิตร

     Honda HR-V รุ่น E ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟท้าย LED Light Strip, กระจกมองข้างปรับพับอัตโนมัติ, ล้ออัลลอย 17 นิ้ว, เบาะนั่งหุ้มหนัง, กุญแจ Smart Key พร้อมปุ่มสตาร์ท, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, หน้าจอเครื่องเสียง Advanced Touch ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto, กล้องมองภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ 7 นิ้ว และระบบความปลอดภัย Honda SENSING

     ขณะที่รุ่น EL เพิ่มเติมด้วย ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ฝากระโปรงท้ายแบบแฮนด์ฟรี, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, กระจกไฟฟ้าขึ้นลงอัตโนมัติคู่หน้า, ช่องแอร์หลัง และระบบแสดงภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch

hrv_21

     รุ่น RS ถูกตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่ง RS รอบคัน, หลังคากระจกพาโนรามา, ไฟท้ายสี Smoke, ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว, เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, ระบบชาร์จไฟไร้สาย Wireless Charger, ไฟอ่านหนังสือด้านหลังแบบสัมผัส และระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT

hrv_22

All-new Honda HR-V ทุกรุ่นย่อยถูกติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING ประกอบด้วย ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS), ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF) และระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)

     ขณะที่อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ประกอบด้วย ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA, ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ AHA, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, ระบบช่วยชะลอความเร็วที่พวงมาลัย, เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Brake Hold, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front and Rear Passenger Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น

>> เทียบสเปก All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ ทั้ง 3 รุ่นย่อย ราคา 979,000 - 1,179,000 บาท

hrv_05

     ตัวถังภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ประกอบด้วย สีแดง Ignite Red Metallic (หลังคาดำ), สีขาว Platinum White Pearl, สีขาว Premium Sunlight White Pearl, สีเทา Meteoroid Gray Metallic และสีดำ Crystal Black Pearl

ราคาจำหน่าย All-new Honda HR-V e:HEV 2022 ใหม่

  • รุ่น E ราคา 979,000 บาท
  • รุ่น EL ราคา 1,079,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 1,179,000 บาท

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มาอย่างไว! All-new Ford Ranger และ Everest 2023 ใหม่ จ่อเผยโฉมในไทย 21 มี.ค.นี้

รูปภาพ
  All-new  Ford  Ranger และ  Everest 2023  ใหม่ เตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยวันที่ 21 มีนาคม 2565 นี้ คาดพร้อมจัดแสดงให้ได้สัมผัสคันจริงที่งานบางกอก มอเตอร์โชว์  2022  ซื้อหวยเว็บ       ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศเตรียมเผยโฉม All-new  Ford  Ranger และ All-new Ford Everest ในวันที่ 21 มีนาคมที่จะถึงนี้ ก่อนจะนำมาจัดแสดงให้ผู้สนใจได้สัมผัสคันจริงที่บูธ ฟอร์ด ในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์  2022 ซึ่งจะจัดรอบบุคคลทั่วไประหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน 2565 ที่อาคารอิมแพ็คชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายคาดว่าจะมีขึ้นช่วงปลายปีนี้       ปัจจุบันฟอร์ดยังไม่เปิดเผยรายละเอียด All-new Ranger และ Everest เวอร์ชันไทยออกมาในขณะนี้ แต่ฟอร์ดประกาศออกมาแล้วว่าจะยังคงทำตลาดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวและเทอร์โบคู่เช่นเคย รวมถึงมีเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ติดตั้งลงในรุ่น Everest และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ EcoBoost V6 ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 397 แรงม้า ติดตั้งลงใน Ranger Raptor สำหรับวางจำหน่ายในบางประเทศ       All-new Ford Ranger และ Everest
อ่านเพิ่มเติม

มันใช่หรือ? วิ่ง M-FLOW แต่ไม่เป็นสมาชิก ระบบไม่แจ้งเตือน สุดท้ายเจอปรับ 10 เท่า!

รูปภาพ
  จากกรณีที่กรมทางหลวง เปิดให้บริการระบบจัดเก็บค่าผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-FLOW อย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา กลับพบว่ามีปัญหาจราจรติดขัดหน้าด่านอย่างหนัก ซ้ำร้ายผู้ใช้บริการไม่ได้รับการแจ้งเตือนให้ชำระบริการภายในระยะเวลาที่กำหนด สุดท้ายถูกเรียกเก็บค่าปรับสูงถึง 10 เท่า! แม้ว่าระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง M-FLOW จะถูกนำมาให้บริการบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัญหาจราจรติดขัดหน้าด่าน และช่วยเพิ่มความสะดวกในการชำระค่าผ่านทางของผู้ใช้งาน แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะกลายเป็นว่าประชาชนเกิดความสับสนในการเลือกช่องผ่านทาง ก่อให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดราวกับช่วงเทศกาลอย่างไรอย่างนั้น  ซื้อหวยเว็บ แม้ว่ากรมทางหลวงเองจะออกมาประชาสัมพันธ์ว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก M-FLOW ก็สามารถใช้บริการผ่านช่อง M-FLOW ได้ โดยจะอนุโลมให้มาชำระค่าผ่านทางภายในระยะเวลา 2 วันหลังจากใช้บริการ แต่ดูเหมือนว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังคงไม่ทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาแยกเป็น 2 ประเด็น คือ 1. รถที่วิ่งเข้ามาทางช่อง M-FLOW ตัดสิ
อ่านเพิ่มเติม

รู้หรือไม่? หากไฟเตือนน้ำมันโชว์จะขับต่อไปได้อีกกี่กิโลเมตร

รูปภาพ
  โดยปกติแล้ว คนส่วนใหญ่มักเติมน้ำมันกลับเข้าไปในถังเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง (หลายคนคงปล่อยให้ต่ำกว่านั้น) แต่บางครั้งเราขับไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย น้ำมันก็ดันจะหมด แถมหาปั๊มข้างหน้าก็ไม่เจออีก ไฟเตือนน้ำมันก็สว่างวาบให้ใจระทึกแล้ว แต่ความจริงคุณยังอาจวิ่งได้อีกร่วม 100 กิโลเมตรเลยนะ...  ซื้อหวยเว็บ       หากเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มักจะมีระบบแจ้งเตือนระยะทางคงเหลือจากปริมาณน้ำมันในถังมาให้ด้วย ซึ่งตัวเลขที่แสดงให้เห็นดังกล่าวมักออกแบบเผื่อไว้ให้ผู้ขับขี่เสมอ ดังนั้น ถึงแม้ว่าตัวเลขจะกลายเป็น 0 เป็นที่เรียบร้อย รถก็ยังสามารถวิ่งได้ต่อไปอีกสักระยะเพื่อให้คุณหาปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใกล้ที่สุดได้   แม้ว่าเข็มแสดงปริมาณน้ำมันจะแจ้งว่าน้ำมันรถของคุณเกลี้ยงถังไปแล้ว แต่ความจริงยังคงมีน้ำมันเหลืออยู่ราว 4-6 ลิตร ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ดังนั้น หากคำนวณอย่างคร่าวๆ ว่าถ้ารถคุณกินน้ำมันอยู่ที่ 15 กิโลเมตรต่อลิตร ก็จะสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางราว 15x6 = 90 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่หากเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องขับจอดอยู่เรื่อยๆ ตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้จะลดต
อ่านเพิ่มเติม